Brainergy Co., Ltd. ได้ร่วมมือกับ กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้าน IT ประเทศสิงคโปร์ พัฒนาด้านระบบซอฟแวร์ และฮาร์ดแวร์ โดยมีผู้เชี่ยวชาญสาขาอาชีพหลัก ในด้านเทคโนโลยีการประมวลภาพออฟติคัล และระบบไบโอเมตริก
ร่วมพัฒนาคิดค้น นอกจากนี้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทีมวิจัยผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Dermatoglyphics ที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี มุ่งมั่นในการถอดรหัสศักยภาพแฝง ที่ติดตัวมาแต่กำเนิด ของพันธุกรรมศาสตร์ รวบรวม สะสม สร้างเป็นคลังข้อมูลขนาดใหญ่
และนำมาบูรณาการกับสิ่งแวดล้อมการศึกษาของบุคคลภายหลังกำเนิด
อีกทั้งได้รับเกียรติจาก มหาวิทยาลัย และ ดร.ผู้เชี่ยวชาญ ด้านการศึกษา และนักจิตวิทยาของเมืองไทยมาเป็นที่ปรึกษาด้านการวิเคราะห์
รู้จักผู้หญิงที่ชื่อว่า "ครูหงษ์"
และ Brainergy
ธัญวรัตม์ พัฒนาปัญญาสัตย์
Thanwarat Pattanapanyasat (Kru Hong)
ผู้เชี่ยวชาญการค้นหาศักยภาพ พรสวรรค์ผ่าน “ลายนิ้วมือ”
ศาสตร์นี้ ย้อนไปตั้งแต่ปี 1973 นักวิทยาศาสตร์สองคน คือ Hirsch and Schweichel
ค้บพบเรื่องราวอันน่ามหัศจรรย์ว่า นิ้วมือกับสมองของเราแต่ละคนนั้น มีความสัมพันธ์กัน
จากการศึกษาวิจัยพบว่า ก่อนที่เส้นลายผิวหนังจะเรียงตัวกัน หลอดเลือดผิวหนังของทารก
ก็เกิดการเรียงตัวเช่นกัน
ลายนิ้วมือ บอกอะไรได้บ้าง?
ลายนิ้วมือบอกตั้งแต่ Characteristic จุดเด่น จุดด้อย พหุปัญญาทั้ง 8 ด้าน
(ความสามารถของเราที่มีอยู่ในตัวทั้ง 8 ด้าน) ทำให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น
ค้นหาจุดเด่น และพรสวรรค์ที่มีอยู่ในตัวเรา เข้าใจผู้อื่นจนสามารถปรับตัวเข้าหา
ผู้อื่นได้ดี ทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีในองค์กร
คุณจะได้รับการ Scan (เบื้องต้น) ตั้งแต่ตอนที่ลงทะเบียนเข้าร่วมสัมมนา
ที่มาของศาสตร์ ค้นหาพรสวรรค์ด้วยนวัตกรรมผ่านการ
"สแกนลายนิ้วมือ”
รู้จักเทคโนโลยี "สแกนลายนิ้วมือ"
ที่ผ่านการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ เพื่อค้นพบศักยภาพในตัวคุณ
ประวัติความเป็นมาของการสแกนลายนิ้วมือ
1823
1926
1926
1950
ในปี ค.ศ. 1823 นักฟิสิกส์และชีววิทยา ชาวเชคฯ ชื่อ Johannes Evangelista Purkinje เริ่มศึกษาลายผิวที่นูนขึ้นมาใน
ฝ่ามือและฝ่าเท้าของมนุษย์ เพื่อทำการ จัดประเภทให้เป็นระบบเพื่อค้นหาความ สัมพันธ์ของมนุษย์กับลายผิวเหล่านั้น จนได้ทำการ ตีพิมพ์งานวิจัยซึ่งจัดแบ่ง
ประเภท ลายนิ้วมือออกเป็น 9 กลุ่ม
ในปี ค.ศ. 1926 นักกายวิทยาชาวอเมริกา ชื่อ Dr.Harold Cummins วิจัยเกี่ยวกับ การวิเคราะห์ลายนิ้วมือแต่ละประเภท
ศึกษาตั้งแต่ในเชิงมานุษยวิทยาไปจนถึงทางพันธุศาสตร์ ลายนิ้วมือของคน ผิดปกติเป็นคนแรกที่ทำการรายงานถึง ลายนิ้วมือที่มีลักษณะพิเศษแบบเฉพาะ
ของบุคคลที่มาอาการดาวน์ซินโดรม
โดยกำเนิดและพบว่าตัวอ่อนในครรภ์
จะเริ่ม พัฒนารูปร่างและผิวหนังที่มือ
และเท้าในช่วงที่มีอายุถึง 13 สัปดาห์ ไปจนกระทั่งอายุ 24 สัปดาห์ ลายนิ้วมือ ที่ละเอียดจึงจะเกิดเป็นรูปร่างชัดเจน
และไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปตลอดชีวิต
ในปี ค.ศ. 1926 Dr.Norma Ford Walker เป็นคนแรกที่ได้ทำการกำหนด
สัญลักษณ์ลายนิ้วมือของบุคคลที่อยู่กลุ่มดาวน์ซินโดรม (Dermatoglyphics
index)และหลังจากนักวิทยาศาสตร์ ได้ทำการวิจัยอยู่นานปี ปัจจุบันก็ได้มีการ
พิสูจน์แล้วว่าบุคคลที่มีความผิดปกติทางโครโมโซม หรือความผิดปกติทางสมอง ล้วนมีรูปพรรณของลายทางผิวหนังที่ต่างจากปกติด้วย ซึ่ง ณ ปัจจุบันตาม มาตรฐานนี้ ได้มีความแม่นยำสูงถึง
70% ขึ้นไป
ในปี ค.ศ. 1950 Wilder Graves Penfield ศาสตราจารย์วิชาประสาท
ศัลยศาสตร์ชาวแคนนาดาเสนอบทความเกี่ยวเนื่องระหว่างสมองใหญ่ไว้ในงาน
เขียนของเขาที่มีชื่อว่า “The Cerebral Cortex Of Man” แสดงให้เห็นอย่าง
ชัดเจนถึงความเกี่ยวโยงกันอย่างยิ่ง
ระหว่างลายมือและสมองใหญ่ในปี
ค.ศ. 1958 นักจิตวิทยาชื่อ Noel Jaquin ยืนยันลักษณะพิเศษทางบุคลิกโดย เปรียบเทียบจากลายนิ้วมือที่แตกต่างกัน
1980
1981
1982
ตามทฤษฎีปริมาณของลายนิ้วมือและวิธีการใช้งาน
ในปี ค.ศ. 1980 Katherine St. Hill ได้ก่อตั้งชมรมลายนิ้วมือแห่งลอนดอน L.C.S (London Cheirological Society) และทุ่มเทให้กับงานด้านการ ยกระดับการวิจัยฝ่ามือในเชิงวิทยาศาสตร์ที่มีคุณค่าซึ่งต่อมาทางชมรมได้ตีพิมพ์
นิตยสาร “ The Palmist Review”
ในปี ค.ศ. 1981 นักจิตวิทยาแห่ง มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ค ซึ่ง Dr.Howard Gardner ค้นพบแนวคิดทฤษฎีพหุปัญญา ได้รับการ ตอบรับจากทั่วโลก ในปี 1990 ทฤษฎีพหุปัญญามี 8 ด้าน คือ ด้านภาษา ด้านตรรกะ คณิตศาสตร์ ด้านมิติสัมพันธ์ ด้านร่างกาย และการเคลื่อนไหว ด้านดนตรี ด้านความเข้าใจตนเอง ด้านความเข้าใจผู้อื่น และด้านความเข้าใจ
ธรรมชาติ
ในปี ค.ศ. 1982 นักมานุษยวิทยา และเป็นผู้ริเริ่มวิจัยวิชาสุชาติศาสตร์ ที่มีชื่อเสียงชาวอังกฤษชื่อ Francis Galton ตีพิมพ์หนังสือ Fingerprint พบว่าลายนิ้วมือของแต่ละคนมี
ลักษณะเฉพาะ individuality ไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบ (Permanence) เริ่มกำหนดและแบ่งแยก
ลายมือออกเป็น 3 ประเภทหลักคือ
ลายก้อนหอย ลายมัดหวาย ลายโค้งรวม ที่ใช้กันอยู่จนถึงปัจจุบันนี้
Milestones of Dermatoglyphics
1st Stage RC (Ridge Count) theory
2nd Stage PI (Pattern Intensity) theory
3rd Stage N G F (Nerve Growth Factor) theory
DGPA SYSTEMS
(Dermatoglyphics & Genes
Potential Analysis )
ระบบ DGPA ได้ใช้ศาสตร์แห่งลายนิ้วมือเป็นพื้นฐาน และใช้เทคนิคในระบบ
ไบโอเมตริกในการจัดการเก็บลายนิ้วมือส่วนบุคคล หลังจากนั้นข้อมูลที่เก็บ
ได้จะถูกรวบรวม และทำการเปรียบเทียบเชิงปริมาณในการแยกแยะหมวดหมู่
ของลายนิ้วมือ (เฮนรี FBI) แล้วจึงนำเอาจำนวนที่ได้ทำการเปรียบเทียบเพื่อ
ความแม่นยำกับคลังข้อมูลใน DGPA ซึ่งเป็นการถอดรหัสพันธุกรรมแต่กำเนิด
สุดท้ายจึงออกมาเป็นรายงานส่วนบุคคลที่ไม่ซ้ำกับใคร
Perfection
Excellence
Success
Value
Achievement
ทฤษฎีพหุปัญญา
(Theory of Multiple Intelligences)
1. ปัญญาด้านภาษา (Linguistic Intelligence)
2. ปัญญาด้านตรรกศาสตร์และคณิตศาสตร์ (Logical-Mathematical Intelligence)
3. ปัญญาด้านมิติสัมพันธ์ (Visual-Spatial Intelligence)
4. ปัญญาด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว (Bodily Kinesthetic Intelligence)
5. ปัญญาด้านดนตรี (Musical Intelligence)
6. ปัญญาด้านมนุษยสัมพันธ์ (Interpersonal Intelligence)
7. ปัญญาด้านการเข้าใจตนเอง (Intrapersonal Intelligence)
8. ปัญญาด้านธรรมชาติวิทยา (Naturalist Intelligence)
เรียนรู้เพิ่มเติม >>